เมื่อพูดถึงแฟชั่นของคุณสุภาพบุรุษ หลายคนอาจนึกถึงการใส่สูทคู่กับเนคไท แต่รู้ไหม? ว่ายังมีอีกหนึ่งไอเท็มที่คุณไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ Cravat หรือผ้าพันคอสุดคลาสสิกที่ช่วยเสริมลุคให้ดูมีสไตล์ Cravat มีประวัติที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความหมาย เป็นเครื่องประดับยอดฮิตตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่นิยมไม่เคยล้าสมัย ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจเรื่องราวของ Cravat ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรในโลกแฟชั่น และวิธีการเลือกและสวมใส่ให้เข้ากับโอกาสต่างๆ ไม่ว่าคุณจะไปงานเลี้ยงหรือออกไปทำงาน เชื่อเถอะว่า Cravat จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคของคุณได้อย่างแน่นอน!
Cravat เป็นเครื่องประดับที่ไม่เพียงแค่เสริมลุคของสุภาพบุรุษให้ดูดี แต่ยังสื่อถึงความมีสไตล์และความมั่นใจที่คงอยู่เหนือกาลเวลา แม้ว่าแฟชั่นจะเปลี่ยนไป แต่ Cravat ยังคงเป็นที่นิยมและถูกใช้ในหลากหลายโอกาส
แต่รู้หรือไม่ว่า Cravat มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและน่าสนใจแค่ไหน? มีที่อย่างไร และทำไมถึงกลายมาเป็นเครื่องหมายแห่งความสง่างามของสุภาพบุรุษทั่วโลก วันนี้เราจะพาคุณย้อนเวลากลับไปสำรวจเรื่องราวของ Cravat ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงการเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ในวงการแฟชั่น!
จากอดีตสู่ปัจจุบัน เรื่องราวของ Cravat ที่คุณอาจไม่เคยรู้
Cravat มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ ซึ่งย้อนกลับไปถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ในทวีปยุโรป จุดกำเนิดของ Cravat นั้นมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับประเทศโครเอเชีย ซึ่งในสมัยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
ในช่วงสงครามสามสิบปี (ค.ศ. 1618-1648) ทหารม้าชาวโครเอเชียได้เข้าร่วมกองทัพฝรั่งเศสในฐานะทหารรับจ้าง พวกเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการสวมผ้าพันคอที่มีลักษณะเป็นผ้าผืนยาวพันรอบคอและผูกเป็นปมด้านหน้า ผ้าพันคอนี้นอกจากจะทำหน้าที่ป้องกันความหนาวเย็นแล้วยังเป็นเครื่องหมายบ่งบอกยศและสถานะทางสังคมอีกด้วย
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ทรงโปรดปรานการสวม Cravat มาก และทรงมีส่วนสำคัญในการทำให้ Cravat กลายเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในราชสำนักและสังคมชั้นสูงของฝรั่งเศส จากนั้น Cravat ก็แพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป รวมถึงอังกฤษ ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางของแฟชั่นผู้ชายในศตวรรษที่ 19
ในช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 Cravat ได้รับการพัฒนาและดัดแปลงในหลากหลายรูปแบบ มีการคิดค้นวิธีการผูกแบบต่างๆ และการใช้วัสดุที่หลากหลายมากขึ้น จากผ้าลินินและผ้าฝ้ายไปจนถึงผ้าไหมอันหรูหรา นักออกแบบและช่างตัดเสื้อต่างสร้างสรรค์ Cravat ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดแฟชั่น Cravat ที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 Cravat เริ่มมีการพัฒนาไปสู่รูปแบบที่เราคุ้นเคยมากขึ้นในปัจจุบัน นั่นคือเนคไท (Necktie) ซึ่งมีรูปทรงที่เรียวยาวและสวมใส่ง่ายกว่า Cravat แบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม Cravat ก็ยังคงมีการใช้งานอยู่ โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษหรือเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบทางการบางประเภท
ปัจจุบันแม้ว่า Cravat จะไม่ใช่เครื่องแต่งกายหลักของสุภาพบุรุษเหมือนในอดีต แต่ก็ยังมีบทบาทในวงการแฟชั่น โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความหรูหราและความเป็นทางการ Cravat ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิกและรสนิยมที่ประณีต นอกจากนี้ในบางประเทศเช่น โครเอเชีย Cravat ยังคงถือเป็นส่วนสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรม และยังถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาติอีกด้วย
ในวงการแฟชั่น Cravat ยังเป็นคำที่ใช้เรียกครอบคลุมประเภทของผ้าพันคอสุภาพบุรุษ รวมถึง Ascot tie ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ Cravat เช่นกัน การออกแบบมีลักษณะเป็นผ้าพันคอที่ยาวกว่า Cravat แบบดั้งเดิม มีลักษณะการผูกที่ง่ายและปรับใช้ได้สะดวกกว่า ทำให้ Ascot Tie เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับสุภาพบุรุษที่ต้องการความเป็นทางการในลุคแบบร่วมสมัย ไม่ว่าจะใส่คู่กับเสื้อเชิ้ตในโอกาสสำคัญหรืองานพิเศษ Ascot Tie สามารถเติมเต็มลุคให้ดูดีได้อย่างไม่ยาก
-
Ascot Tie AT-D9303990.00฿
-
Ascot Tie AT-D9301990.00฿
-
Ascot Tie AT-D9306990.00฿
-
Ascot Tie AT-D9302990.00฿
-
Ascot Tie AT-D9304990.00฿
-
Ascot Tie AT-D9305990.00฿
Cravat vs. Necktie ต่างกันตรงไหน?
ถึงแม้ว่า Cravat และ Necktie จะมีหน้าที่เป็นเครื่องประดับคอของสุภาพบุรุษเหมือนกัน แต่ทั้งสองอย่างนี้ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องรูปทรง ขนาด และวิธีการใช้งาน
Cravat เป็นผ้าผืนกว้างและสั้นกว่า Necktie สามารถพับหรือพันได้หลายแบบ ส่วน Necktie มีลักษณะเรียวยาว โดยส่วนมากจะกว้างที่ด้านบนและเรียวลงมาที่ปลาย
ในแง่ของวิธีการสวมใส่ Cravat มีวิธีการผูกที่ซับซ้อนและหลากหลายกว่า สามารถพันรอบคอและทำเป็นปมได้หลายแบบ ขณะที่ Necktie มักใช้วิธีผูกที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน เช่น แบบ Windsor หรือ Four-in-Hand ทำให้สะดวกและรวดเร็วกว่า
สำหรับโอกาสในการใช้งาน Cravat มักใช้ในงานที่เป็นทางการหรือพิเศษ เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยง หรือเป็นส่วนหนึ่งของชุดทักซิโด้ ขณะที่ Necktie มีความยืดหยุ่นกว่า สามารถใส่ได้ทั้งในโอกาสที่เป็นทางการและในชีวิตประจำวัน
Cravat เคล็ดลับเสริมลุคหรูให้ปัง
การสวม Cravat เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะเพิ่มความหรูหราและสไตล์ให้กับลุคของคุณในหลายโอกาส แต่การเลือกและแมทช์ให้เหมาะสมนั้นสำคัญมากครับ เรามาเริ่มจากการเลือกสีซึ่งเป็นขั้นตอนหลักที่ช่วยเสริมลุคให้ดูดีวยสีเข้มๆกลมกลืนไปกลับช่วงเวลายามคํ่าคืนที่ดูน่าค้นหาและเงียบสงบ
โดยเฉพาะหากใส่สูทสีเข้ม การเลือก Cravat สีสว่างหรือโทนพาสเทลจะช่วยสร้างความโดดเด่นและเพิ่มความสดใสให้การแต่งตัว อีกเคล็ดลับหนึ่งคือ การเลือกสีของ Cravat ให้เข้ากับสีอื่นๆ ของเครื่องแต่งกาย เช่น สีรองเท้าหรือกระเป๋า เพื่อทำให้ลุคดูกล่อมกล่อม
นอกจากนี้ อย่าลืมพิจารณาโอกาสและสถานที่ด้วยครับ ถ้าเป็นงานกลางวันหรือโอกาสที่ไม่เป็นทางการมาก ลองเลือก Cravat สีสดใสหรือลายที่บ่งบอกตัวตนของคุณ แต่ถ้าเป็นงานกลางคืนหรืองานที่เป็นทางการ การเลือก Cravat สีเข้มหรือลายคลาสสิกจะช่วยเพิ่มความสุขุมและความหรูหราได้
วิธีการผูก Cravat ให้ดูดีและสะดุดตา
การผูก Cravat ไม่ได้ยากอย่างที่คิด วันนี้ผมจะขอแนะนำวิธีผูก Cravat ในรูปแบบต่างๆ ที่ง่ายและสนุกเพื่อให้การแต่งตัวของคุณไม่ซ้ำซากอีกต่อไป
เริ่มจากแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Simple Knot เป็นวิธีการผูกที่ง่ายไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับการใส่ในโอกาสที่ไม่เป็นทางการมากนัก หรือสำหรับคนที่ต้องการลุคที่ดูสุภาพและเรียบง่าย
- เริ่มต้นด้วยการพาด Cravat รอบคอ โดยให้ปลายทั้งสองข้างยาวเท่ากัน
- นำปลายผ้าที่ไขว้ทับไว้พันรอบด้านหลังของปลายอีกข้างหนึ่ง และดึงออกมาทางด้านหน้า
- จัดให้เรียบร้อย เท่านี้ก็เสริมความหรูหราและคลาสสิกให้ลุคของคุณได้ทันที
การผูก Cravat แบบ Traditional นั้นเป็นหนึ่งในวิธีที่เรียบง่ายและคลาสสิกที่สุด มักนิยมใช้ในโอกาสที่เป็นทางการ เช่น งานเลี้ยง งานแต่งงาน หรืองานราชพิธีต่างๆ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ Cravat ดูสุภาพและเรียบหรู โดยวิธีการผูกสามารถทำได้ดังนี้
- วาง Cravat พาดรอบคอ โดยให้ปลายผ้าด้านหนึ่งยาวกว่าอีกด้าน
- ไขว้ผ้า นำปลายผ้าที่ยาวกว่าข้ามมาทับผ้าด้านสั้น แล้วสอดปลายยาวผ่านช่องว่างที่คอ
- จัดปลายผ้าให้แบนราบและเรียบร้อย จากนั้นผูกให้แน่นพอประมาณ แต่ยังคงความสบายที่คอ
- ปล่อยให้ปลายผ้าที่ผูกเรียบร้อยแล้วตกลงมาแบบหลวม ๆ เพื่อให้ได้ลุคที่หรูหราและดูดีในสไตล์แบบดั้งเดิม
สุดท้ายคือการผูกแบบ Modified Four-in-Hand เป็นการปรับวิธีการผูกเนคไท Four-in-Hand ดั้งเดิมให้เข้ากับ Cravat ใช้ง่ายในชีวิตประจำวันและหลากหลายโอกาส วิธีนี้ทำให้ Cravat ดูมีวอลลุ่มและเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ
- เริ่มด้วยการพาด Cravat รอบคอ โดยให้ปลายด้านหนึ่งยาวกว่าปลายอีกด้านหนึ่งเล็กน้อย
- นำปลายด้านยาวไขว้ทับปลายด้านสั้น
- นำปลายด้านยาวพันรอบด้านสั้นหนึ่งรอบเต็ม แล้วสอดปลายยาวผ่านช่องว่างที่คอมาทางด้านหน้า
- สอดปลายเข้าไปในห่วงที่เกิดขึ้นจากการพันรอบคอ จะได้รูปแบบเหมือนการผูกเนคไท Four-in-Hand
- นำปลายด้านที่ยาวกว่าสอดผ่านช่องว่างที่คอ
- จัดให้ Cravat มีความเรียบร้อยและพอดีกับลำคอ จะได้ส่วนหน้าดูมีวอลลุ่มและสวยงาม
Cravat ไม่ได้เป็นแค่ผ้าพันคอธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของความคลาสสิกและความหรูหราที่ไม่เคยตกยุค ไม่ว่าคุณจะใส่เพื่อเสริมลุคให้ดูดีในโอกาสสำคัญ หรือต้องการเพิ่มความโดดเด่นให้การแต่งตัวในวันพิเศษ Cravat คือไอเทมที่ควรมีติดตู้ ด้วยดีไซน์ที่หลากหลายและวิธีการสวมที่ประยุกต์ได้ไม่รู้จบ การสวม Cravat จะช่วยเติมเต็มลุคของคุณให้สมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดาย มาร่วมสร้างสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณด้วย Cravat จาก SUITCUBE ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อคุณ!
สาขาที่ 1 : Siam Square One ชั้น 3 ข้าง Starbucks
สาขาที่ 2 : Terminal 21 ชั้น 2 ติดบันไดเลื่อนฝั่ง H&M
สาขาที่ 3 : พระราม 3 หมู่บ้านอรุณพัฒน์ เส้นสาธุประดิษฐ์ตัดใหม่
สาขาที่ 4 : The Promenade ชั้น 1 บริเวณลานน้ำพุ
สาขาที่ 5 : Seacon Square ชั้น 2 ข้าง Starbucks
สาขาที่ 6 : โครงการ One Nimman เชียงใหม่
สาขาที่ 7 : ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น G โซนเซ็นทรัล บริเวณลานน้ำพุ ใกล้กับร้านสตาร์บัค
สาขาที่ 8 : เดอะมอลล์โคราช ชั้น 1 ตึกใหม่ ตรงข้าม CPS CHAPS
สาขาที่ 9 : สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 3 ติดบันไดเลื่อน ข้างคลินิก Smile Seasons
สาขาที่ 10 : เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น 1 ติดกับร้าน Charles&Keith ตรงข้ามร้าน Pandora
สาขาที่ 11 : เดอะเซอร์เคิลราชพฤกษ์ โซน South Trail Walk Way ตรงข้าม MK
สาขาที่ 12 : เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 1 บริเวณบันไดเลื่อนกลาง ตรงข้ามร้าน FOOT LOCKER
สาขาที่ 13 : รัชดา-สุทธิสาร ติด MRT สุทธิสาร ทางออกที่ 4
ข้อมูลเพิ่มเติม
Tel: 021077777
LINE: @suitcube
Facebook: suitcube
Instagram: suitcube
Website: www.suitcube.com
Credit ภาพ : wikipedia