fbpx
Back

กางเกงวินเทจ ไอเทมคลาสสิกที่ไม่เคยตกยุค

กางเกงวินเทจ

ถ้าพูดถึงแฟชั่นที่อยู่เหนือกาลเวลา เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง กางเกงวินเทจ ไอเทมที่มีความคลาสสิกและเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว และไม่ได้มีดีแค่หน้าตานะคะ แต่ยังสะท้อนถึงความประณีตของแฟชั่นในยุคอดีตอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกางเกงเอวสูงทรงหลวมจากยุค 70s หรือกางเกงพลีตที่ให้ลุคสุดเนี้ยบ จะหยิบมาแมทช์กับสไตล์ไหนก็ดูเก๋ได้แบบไม่ต้องพยายามเยอะ อยากรู้ไหมว่าเจ้ากางเกงวินเทจนั้นสามารถเปลี่ยนลุคธรรมดาๆ ของคุณให้ดูคลาสสิกและโดดเด่นได้ยังไงบ้าง? ถ้าอยากรู้ SUITCUBE มีคำตอบมาให้คะ!

ย้อนเวลาไปกับกางเกงวินเทจ ไอเทมยอดฮิตตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ถ้าพูดถึงยุคที่กางเกงสไตล์วินเทจรุ่งเรืองแบบสุด ๆ คงหนีไม่พ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ถึงกลางศตวรรษเลยค่ะ กางเกงสไตล์นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมีระดับและรสนิยม โดยเฉพาะในยุค 1920s-1940s ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองของแฟชั่นผู้ชาย

ในช่วงนั้น ผู้คนมักให้ความสำคัญกับความเนี้ยบและความเรียบร้อย เสื้อผ้าไม่ใช่แค่สิ่งที่ใส่ แต่เป็นการแสดงสถานะและบุคลิกภาพ กางเกงสไตล์วินเทจที่เน้นรายละเอียด เช่น การจับพลีต การตัดเย็บแบบเอวสูง และการใช้ผ้าที่ดูมีคุณภาพ กลายเป็นไอเทมที่ทุกคนต้องมี ยิ่งได้ใส่คู่กับเสื้อสูทตัดเย็บเนี้ยบ ๆ นะคะ ลุคที่ได้คือความเท่แบบเหนือกาลเวลา

ในยุค 1940s กางเกงสไตล์วินเทจได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก เพราะสงครามโลกทำให้การแต่งกายต้องเน้นประโยชน์ใช้สอย แต่ยังไม่ทิ้งความดูดี กางเกงทรงหลวมแต่สวมใส่สบายจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด ใส่ไปทำงานก็ได้ ออกงานก็เท่

แล้วทำไมคนถึงนิยมใส่กันขนาดนั้น? เหตุผลสำคัญคือ ‘ความอเนกประสงค์’ ที่สามารถแมทช์ได้กับทุกลุค ตั้งแต่ทางการไปจนถึงลำลอง นอกจากนี้ ยังเป็นตัวแทนของแฟชั่นที่สะท้อนความใส่ใจในรายละเอียด ทุกการเย็บ ทุกการพับพลีตประณีตมากกว่าการตัดเย็บในยุคสมัยนี้ที่มีเครื่องทุ่นแรงช่วยในการผลิต

แม้เวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษ แต่เสน่ห์ของกางเกงสไตล์วินเทจก็ยังไม่จางหาย ทุกครั้งที่เราหยิบมันมาใส่ ก็เหมือนเรากำลังเล่าถึงเรื่องราวความงามและสไตล์ที่ไม่มีวันตกยุคเลยค่ะ

ลักษณะของกางเกงวินเทจ เสน่ห์แห่งความคลาสสิกที่ยืนยาว

กางเกงสไตล์วินเทจไม่ได้เป็นเพียงเสื้อผ้า แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาและความใส่ใจในรายละเอียดที่คนสมัยก่อนให้ความสำคัญ มาดูกันค่ะว่าลักษณะเด่น ของกางเกงสไตล์นี้มีอะไรบ้าง

กางเกงวินเทจ

กางเกงเอวสูง (High Waist)

จุดเด่นแรกที่นึกถึงเมื่อพูดถึงกางเกงสไตล์วินเทจคงหนีไม่พ้น “ทรงเอวสูง” ซึ่งนอกจากจะช่วยเน้นช่วงเอวให้ดูสวยเข้ารูปแล้ว ยังทำให้ช่วงขาดูยาวและสง่างามขึ้นอีกด้วย เป็นทรงที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพได้อย่างดี

ในสมัยก่อน กางเกงเอวสูงไม่ได้ใส่เพื่อความเท่อย่างเดียว แต่ยังสะท้อนถึงความเนี้ยบเรียบร้อยอีกด้วย คนยุคนั้นนิยมใส่กางเกงเอวสูงคู่กับเสื้อเชิ้ตที่สอดชายเข้าในกางเกง และเติมลูกเล่นด้วยเข็มขัดหรือสายเอี๊ยม เพื่อเสริมลุคให้ดูเนี้ยบแบบคลาสสิก

ความพิเศษของกางเกงเอวสูงคือมันไม่เคยตกยุคจริงๆ ถึงแม้จะเป็นไอเทมที่ได้รับความนิยมในอดีต แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่คนชอบแต่งตัวต้องมีติดตู้ไว้มิกซ์แอนด์แมตช์ลุคสุดเก๋อยู่เสอ

การจับจีบ (Pleats) เสน่ห์เล็กๆ ที่สร้างความแตกต่าง

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของกางเกงสไตล์วินเทจคือ “การจับจีบ” ด้านหน้ากางเกง ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ดีไซน์ที่ดูเก๋ไก๋เท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงด้วย

การจับจีบช่วยเพิ่มพื้นที่ให้บริเวณสะโพกและต้นขา ทำให้เคลื่อนไหวสะดวก ไม่อึดอัด แม้ในวันที่ต้องเดินเยอะหรือทำกิจกรรมมากมาย และถ้าคุณสังเกตดีๆ การจับจีบยังเพิ่มความเป็นทางการและดูหรูหราได้อย่างลงตัวอีกด้วย

สมัยก่อน การจับจีบในกางเกงถือเป็นดีไซน์ที่นิยมมาก เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการใช้งานแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของการแต่งตัวที่พิถีพิถันและดูมีสไตล์ คนมักจะใส่กางเกงที่มีจีบคู่กับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อสูท เพื่อสร้างลุคที่ดูเรียบร้อยและมีเสน่ห์ แต่ถ้าวันไหนหนุ่มๆ ใส่กางเกงที่จีบไม่เรียบร้อยออกจากบ้านล่ะก็ ให้เดาไว้เลยว่าเขาต้องมีปัญหาง้องอนกับคุณหวานใจที่บ้านแน่ๆ

ในปัจจุบัน กางเกงจับจีบกลายเป็นดีไซน์ที่ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว จะใส่ไปทำงาน ออกงานสำคัญ หรือแม้แต่ลุคแคชชวลในวันธรรมดา ก็สามารถปรับลุคได้ตามใจคุณ

กางเกงทรงหลวมแต่พอดี (Relaxed Fit)

ทรงกางเกงที่ได้รับความนิยมในยุค 1940s คงหนีไม่พ้นทรงขากว้างหรือทรงกระบอกใหญ่ เหตุผลที่กางเกงทรงนี้ได้รับความนิยมคงเป็นเพราะมันเป็นการผสมผสานระหว่างความสบายและความมีระดับที่ลงตัวมาก

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คนจำนวนมากเริ่มหันมาใส่กางเกงที่มีทรงหลวมไม่รัดตัว เพราะมันให้ความสะดวกสบายในการเคลื่อนไหว และเหมาะกับการทำงานหนักในเวลานั้น นอกจากนั้น กางเกงทรงหลวมยังเพิ่มความคล่องแคล่ว ช่วยให้คุณสามารถเดินหรือทำกิจกรรมได้สะดวก โดยที่ยังคงดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

ในปัจจุบัน กางเกงทรงหลวมจากยุค 1940s ได้กลับมาเป็นเทรนด์แฟชั่นสมัยใหม่ กลายเป็นไอเทมที่ทำให้ลุคของคุณดูมีเอกลักษณ์และมีความหรูหราในแบบที่ไม่ต้องพยายามมาก แค่เลือกทรงขากว้างๆ ใส่กับเสื้อท็อปหรือเสื้อเชิ้ต และรองเท้าคู่โปรด ก็ได้ลุคที่ทั้งดูดีและคล่องตัว หรือแมตช์เข้ากับเบลเซอร์ทรงโอเวอร์ไซซ์ก็เก๋ไม่แพ้กัน

กางเกงวินเทจ
กางเกงวินเทจ
กางเกงวินเทจ

กางเกงที่มีฟังก์ชัน “ปรับเอวได้”

กางเกงปรับเอวได้ หรือที่เรียกว่า “Adjustable waistband” เป็นอีกหนึ่งดีไซน์ที่ได้รับความนิยมในสมัยก่อน โดยเฉพาะในช่วงปี 1930s ถึง 1950s ซึ่งมีคุณสมบัติที่สะดวกสบายและสามารถปรับให้พอดีกับเอวของผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ

ลักษณะของกางเกงแบบนี้คือที่เอวจะมีการเพิ่มตัวเลือกในการปรับขนาดเอาไว้ โดยสองแบบที่ได้รับความนิยมในการปรับขนาดเอวให้พอดีกับผู้สวมใส่ ได้แก่

ห่วงปรับไซส์ข้างขอบเอว (The Metal Side Adjuster)
กางเกงที่ใช้ฟังก์ชันนี้จะมีห่วงโลหะอยู่ที่ข้างเอว ซึ่งสามารถปรับขนาดเอวได้โดยการดึงสายเข็มขัดเส้นเล็กและล็อกห่วงไว้ในตำแหน่งที่ต้องการ การออกแบบนี้จะช่วยให้สามารถปรับขนาดเอวได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

กระดุมปรับไซส์ (The Button Side Adjuster)
แบบนี้จะมีการใช้กระดุมที่ข้างเอว ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งได้โดยการติดกระดุมที่หลวมที่สุดหรือแน่นที่สุดตามต้องการ กระดุมปรับไซส์มักจะถูกออกแบบให้มี 1 – 2 รูเพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถปรับให้เหมาะสมกับสรีระและความสบายโดยที่กางเกงยังคงทรงสวยอยู่

ทั้งสองฟังก์ชันนี้ช่วยให้กางเกงมีความยืดหยุ่นปรับขนาดได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน หรือแม้แต่ช่วงที่หุ่นเปลี่ยนไปหลังจากกินหมูกระทะอร่อยๆ จนท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อย ก็ไม่ต้องกังวล เพราะคุณสามารถปรับเอวกางเกงให้เข้ากับสรีระใหม่ได้ทันที!

กางเกงวินเทจ

ความยาวขากางเกงสไตล์วินเทจ

การเลือกความยาวขากางเกงถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันช่วยเสริมความมีสไตล์และทำให้คุณดูคลาสสิกในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ย้อนกลับไปในยุค 1940s และ 1950s กางเกงสไตล์วินเทจมักจะมีความยาวที่พอดี ไม่สั้นจนเกินไปและไม่ยาวจนเกินขอบรองเท้า โดยมีความยาวที่เรียกว่า Half Break ซึ่งเป็นความยาวที่ขากางเกงจะหยุดที่ขอบรองเท้าพอดี ทำให้คุณดูมีสัดส่วนที่ดี และช่วยให้ลุคของคุณดูสง่างามและมีสไตล์แบบผู้ชายยุคคลาสสิก

กางเกงที่มีความยาวแบบ Full Break (ยาวคลุมไปถึงส้นรองเท้าประมาณ 1 ขยัก) เป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมในช่วงยุคทองของฮอลลีวูด ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่กางเกงสูทหรือกางเกงทรงตรงได้รับความนิยมสูงสุด โดยมักจะสวมใส่กับสูทที่มีความพอดีตัวหรือทรงตรงที่เสริมความสมาร์ท การเลือกกางเกงที่มีความยาวแบบ Full Break ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเรียบร้อยแสดงถึงภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างเป็นทางการในยุคก่อน

ยังมีอีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชายในยุคนั้นคือการ “พับขากางเกงเบิ้ล” การพับขากางเกงเบิ้ลนั้นช่วยเพิ่มมิติให้กับทรงกางเกง ทำให้ดูมีความสง่างามและยืดสัดส่วนขาของผู้สวมใส่ การพับขากางเกงเป็นที่นิยมในหลายๆ สถานการณ์ ทั้งในสไตล์การแต่งตัวประจำวันหรือในงานที่ต้องการความเป็นทางการอย่างการใส่คู่กับสูท โดยส่วนใหญ่จะพับขาขึ้นประมาณ 1 – 2 นิ้ว ขึ้นอยู่กับความชอบและเทรนด์ของแต่ละยุค ความนิยมในสไตล์นี้ได้ถูกนำกลับมาฮิตในยุคปัจจุบันอีกครั้ง ซึ่งทำให้การพับขากางเกงเบิ้ลกลายเป็นลุคที่หลายคนชอบใส่เพื่อเพิ่มความเท่ให้กับการแต่งตัว โดยเฉพาะเมื่อเลือกใส่กับรองเท้าหนังคุณภาพดีสักคู่

กางเกงวินเทจกับสูท คู่ซี้แฟชั่นไร้กาลเวลา

เมื่อพูดถึงแฟชั่นในยุคก่อน โดยเฉพาะช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความเนี้ยบและมีระดับได้เท่ากับ กางเกงวินเทจคู่กับสูท สมัยนั้นนี่ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่มันคือภาพสะท้อนของสถานะ ความมีรสนิยม และวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์สุดๆ

ยุคทองของการใส่สูท

ในช่วงปี 1920s ถึง 1950s การใส่กางเกงแนววินเทจกับสูทเป็นแฟชั่นที่ “ทุกคนต้องมี” ผู้ชายแทบทุกคนไม่ว่าจะทำงานในออฟฟิศ เป็นนักธุรกิจ หรือแม้แต่ไปงานสังคมต่างๆ ล้วนใส่กางเกงเอวสูงที่เข้าชุดกับสูทสั่งตัดอย่างพอดีตัว

ทำไมถึงนิยมขนาดนี้?

  • กางเกงมักมีดีเทลจับจีบหรือทรงเอวสูงที่เน้นสรีระ ดูสง่าและสมาร์ท
  • สูทในยุคนั้นถูกออกแบบให้พอดีกับรูปร่าง เน้นไหล่กว้าง ช่วงเอวกระชับ ทำให้เมื่อจับคู่กับกางเกงทรงวินเทจ ก็ช่วยเสริมให้ผู้สวมใส่ดูภูมิฐานและมั่นใจ

แม้แต่ในชีวิตประจำวัน ผู้คนก็ยังใส่สูทกันอย่างจริงจัง ขนาดไปเดินเล่นหรือดื่มกาแฟ ยังต้องใส่กางเกงเอวสูงกับสูทแบบเต็มยศ!

แฟชั่นที่สะท้อนยุคสมัย

ในยุคนั้น สูทกับกางเกง วินเทจไม่ได้แค่บอกถึงสไตล์ แต่เป็นเหมือน “คำประกาศ” ว่า “ฉันคือสุภาพบุรุษผู้พร้อมในทุกด้าน” ตั้งแต่การทำงานอย่างหนัก ไปจนถึงการดูแลครอบครัว และเข้าสังคมอย่างมีเสน่ห์

ลองจินตนาการดูนะคะ ผู้ชายในยุคนั้นลุกขึ้นมาใส่สูท กางเกงเอวสูง พร้อมเสื้อเชิ้ตรีดเรียบ คาดเข็มขัดหนังมันวาว ทุกย่างก้าวคือความมั่นใจแบบเต็มร้อย เขาพร้อมเดินเข้าห้องประชุม หรืออาจแค่เดินไปซื้อหนังสือพิมพ์ข้างบ้าน แต่สไตล์คือสิ่งที่ตามติดตัวเขาไปทุกที่!! และการใส่สูทในยุคนั้นยังเหมือนการให้เกียรติทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะงานทางการหรือการพบปะเพื่อนฝูง ใครที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยอาจถูกมองว่าไม่ใส่ใจหรือยังไม่พร้อมที่จะเป็น “สุภาพบุรุษเต็มตัว” ก็เป็นได้ด้วยนะ

และที่แอบน่ารักก็คือ หนุ่มบางคนใช้แฟชั่นนี้เป็นไม้ตายในการจีบสาว! เพราะใครแต่งตัวดี ดูเนี้ยบ อาจทำให้สาวๆ หันมองแล้วคิดว่า “คนนี้น่าจะดูแลเราได้ดีแน่ๆ” (หรือเปล่า อันนี้ต้องลองแอบถามคุณปู่กันดูนะ!)

ถึงแม้เวลาจะผ่านไป แต่สิ่งที่แฟชั่นยุคนั้นทิ้งไว้คือแนวคิดเรื่อง การแต่งตัวที่สะท้อนความใส่ใจและความภูมิใจในตัวเอง ซึ่งยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นในแฟชั่นปัจจุบัน กลายเป็นต้นแบบลุคสุภาพบุรุษในยุคทองที่ยังคงเฉิดฉายและบอกเล่าเรื่องราวในตัวมันเองอย่างไม่เคยตกยุคจริงไหมล่ะคะ

กางเกง Vintage Cream TM-AI-2306-P

2,000.00฿

กางเกง Modern Grey TM-AI-2319-P

2,400.00฿

กางเกง Dark Blue TM-AI-2310-P

3,000.00฿

เมื่อเราได้พูดถึงความเป็นมาของกางเกงสไตล์วินเทจ รวมถึงการแต่งตัวให้ดูดีในแบบฉบับสุภาพบุรุษยุคคลาสสิก หวังว่าความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนมองเห็นเสน่ห์ของแฟชั่นวินเทจและแรงบันดาลใจที่มาพร้อมกัน

ลองหยิบกางเกงวินเทจคู่ใจ มาจับคู่กับสูทในสไตล์ที่เป็นตัวคุณ แล้วเติมแต่งลุคของคุณด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเข็มขัดหนังดีๆ หรือรองเท้าหนังขัดมัน เชื่อเถอะว่าการแต่งตัวแบบนี้จะทำให้คุณดูดีขึ้นอย่างมีระดับ

สุดท้ายนี้ ขอให้คุณสนุกกับการแต่งตัวและค้นหาสไตล์ในแบบที่ใช่สำหรับตัวเอง เพราะแฟชั่นไม่ใช่แค่การแต่งตัว แต่เป็นการเล่าเรื่องราวของคุณผ่านเสื้อผ้า และใครจะรู้? บางทีลุควินเทจของคุณอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ก็ได้! 😊

SUITCUBE มี 13 สาขา 

สาขาที่ 1 : Siam Square One ชั้น 3 ข้าง Starbucks
สาขาที่ 2 : Terminal 21 ชั้น 2 ติดบันไดเลื่อนฝั่ง H&M
สาขาที่ 3 : พระราม 3 หมู่บ้านอรุณพัฒน์ เส้นสาธุประดิษฐ์ตัดใหม่
สาขาที่ 4 : The Promenade ชั้น 1 บริเวณลานน้ำพุ
สาขาที่ 5 : Seacon Square ชั้น 2 ข้าง Starbucks
สาขาที่ 6 : โครงการ One Nimman เชียงใหม่
สาขาที่ 7 : ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น G โซนเซ็นทรัล บริเวณลานน้ำพุ ใกล้กับร้านสตาร์บัค
สาขาที่ 8 : เดอะมอลล์โคราช ชั้น 1 ตึกใหม่ ตรงข้าม CPS CHAPS
สาขาที่ 9 : สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 3 ติดบันไดเลื่อน ข้างคลินิก Smile Seasons
สาขาที่ 10 : เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น 1 ติดกับร้าน Charles&Keith ตรงข้ามร้าน Pandora
สาขาที่ 11 : เดอะเซอร์เคิลราชพฤกษ์ โซน South Trail Walk Way ตรงข้าม MK
สาขาที่ 12 : เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 1 บริเวณบันไดเลื่อนกลาง ตรงข้ามร้าน FOOT LOCKER
สาขาที่ 13 : รัชดา-สุทธิสาร ติด MRT สุทธิสาร ทางออกที่ 4

ข้อมูลเพิ่มเติม
Tel: 021077777
LINE: @suitcube
Facebook: suitcube
Instagram: suitcube
Website: www.suitcube.com


Credit ภาพ : Unsplash

We haven't found your measurement. We will take your measurement by AI
Please input your mobile no.